วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ไทยพาณิชย์ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ SCB EASY “EASY E-KYC” เปิดบัญชีโดยไม่ต้องมาธนาคาร

ไทยพาณิชย์ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ SCB EASY “EASY E-KYC” เปิดบัญชีโดยไม่ต้องมาธนาคาร

                     ธนาคารไทยพาณิชย์ยกระดับการให้บริการ SCB EASY สู่การเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่พร้อมเป็นทุกอย่างเพื่อคุณ ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “EASY E-KYC” บริการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ด้วยตัวเองผ่าน SCB EASY มุ่งขยายฐานลูกค้าเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยใช้บริการใดของธนาคาร เป็นครั้งแรกของวงการธนาคารที่นำเทคโนโลยี E-KYC (Electronic Know Your Customer) หรือ การพิสูจน์ตัวตนลูกค้าด้วย Biometric (การเก็บอัตลักษณ์บนใบหน้า) มาใช้กับแอปฯ บนมือถือ ชูจุดแข็งเรื่องความปลอดภัย สามารถทำได้ด้วยตัวเอง สะดวกสบาย ไม่ต้องไปที่สาขา และคาดว่าการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่อย่างต่อเนื่องจะช่วยผลักดันให้มียอดผู้ใช้บริการ SCB EASY อยู่ที่ 9-10 ล้านรายภายในสิ้นปี 2561

ขั้นตอนการเปิดบัญชี EASY E-KYC

สิ่งที่ต้องมีในการเปิดบัญชี EASY E-KYC นั้นมีอยู่ 3 อย่าง คือ บัตรประชาชน,หนังสือเดินทาง(passport) และ โทรศัพท์มือถือระบบแอนดรอยด์
  • ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น SCB EASY
  • ลงทะเบียนใช้บริการผ่านบัตรประชาชนพร้อมกรอกข้อมูลส่วนตัว
  • กดฟังก์ชั่นเปิดบัญชีใหม่กับ SCB
  • สแกนบัตรประชาชนโดยการถ่ายรูปบัตร จากนั้นกรอกเลขหลังบัตรประชาชนลงไป
  • สแกนหนังสือเดินทาง (passport) โดยการถ่ายรูปที่หน้าข้อมูลของหนังสือเดินทาง จากนั้นนำมือถือไปทาบบนหนังสือเดินทางเพื่อให้ข้อมูลลิงก์กัน (อ่านข้อมูลใน Passport ด้วย NFC)
  • สแกนใบหน้าของผู้เปิดบัญชีเพื่อยืนยันตัวตน โดยการสแกนใบหน้านั้นก็ง่ายนิดเดียวเพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนกับเวลาเซลฟี่ แอปฯ จะบอกแพทเทิร์นทางท่าใบหน้ามาทั้งหมด 3 แบบ ต่อการสแกนหนึ่งครั้ง
  • กรอกข้อมูลส่วนตัว และกดยืนนการเปิดบัญชีผ่านรหัส OTP
  • การเปิดบัญชี EASY E-KYC เสร็จสมบูรณ์                                                                                                                                                                                                           แพทเทิร์นท่าทางสแกนใบหน้านั้นมีทั้งหมด 16 แบบ โดยแอปฯ จะสุ่มมา 3 แบบต่อการสแกน 1 ครั้ง นี้ก็เป็นลูกเล่นหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อเปิดใช้งานจริงอาจจะมีกระแสการแชร์เรื่องแพทเทิร์นการสแกนใบหน้าของฟีเจอร์นี้มาให้เราได้เห็นก็ได้                                                        ความคิดเห็นของฉัน : ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทะให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และมีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย                                                                                                               ทีี่มา : ฺBeartai

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ก้าวต่อไปของเทคโนโลยี 3D Bioprinting สตาร์ทอัพอเมริกาพิมพ์เนื้อเยื่อหัวใจที่ใช้งานได้จริง

ก้าวต่อไปของเทคโนโลยี 3D Bioprinting สตาร์ทอัพอเมริกาพิมพ์เนื้อเยื่อหัวใจที่ใช้งานได้จริง


                        แน่นอนว่าเป้าหมายระยะยาวของการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ชีวภาพ 3 มิติ (3D Bioprinting) ย่อมต้องเป็นการพิมพ์อวัยวะของร่างกาย ที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อนำมาใช้ทดแทนอวัยวะจริงๆ ของมนุษย์ ซึ่งอาจมีความบกพร่องหรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์
                        แม้ว่าหนทางจะยาวไกล แต่เชื่อเถอะว่าเรากำลังเดินเข้าไปใกล้ความเป็นจริงในทุกขณะ และคราวนี้ก็เป็นตาของ Biolife4D บริษัทสตาร์ทอัพในชิคาโก ที่ประกาศว่าพวกเขา สามารถพิมพ์ "เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiac tissue)" ของมนุษย์ได้แล้ว
                         ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อวัยวะเต็มส่วน เพราะหัวใจมนุษย์นั้นมีส่วนประกอบอันซับซ้อนอีกมากมาย แต่เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อหัวใจ ก็นับว่ามีประโยชน์ในทางการแพทย์มหาศาลแล้ว เช่น การใช้รักษาผู้ป่วยจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หรือกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
                          Biolife4D ยังคงมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวต่อไป โดยจะเริ่มการทดสอบทางคลินิกเป็นเวลา 6 เดือน รวมทั้งดำเนินการต่อไปในส่วนของการพิมพ์หัวใจของมนุษย์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยจะมุ่งเน้นที่องค์ประกอบอื่นๆ ของหัวใจบ้าง เช่น ลิ้นหัวใจ, หลอดเลือดหัวใจ ไปจนถึงหัวใจขนาดเล็กที่ทำงานได้จริง

ความคิดเห็นของฉัน : คิดว่าเป็นเรื่องทึี่ดี เพราะ สามารถนำเทคโนโลยีนี้ ไปพัฒนาหรือนำไปสร้างเพื่อ                               ช่วยเหลือผู้พิการได้

                                          ที่มา : www.digitaltrends.com



AI ของ Google สามารถทำนายวันเสียชีวิตของมนุษย์ได้แม่นยำถึง 95%

AI ของ Google สามารถทำนายวันเสียชีวิตของมนุษย์ได้แม่นยำถึง 95%

        ปฏิเสธไม่ได้ว่า Google คือส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันมนุษย์ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งอีเมล์, เซิร์ชเอ็นจิ้น, แผนที่นำทางและปฏิทิน แถมล่าสุด ทีม Google’s Medical Brain ยังได้พัฒนาระบบ AI ที่มีศักยภาพมากขนาดคาดการณ์วันเสียชีวิตของผู้ป่วยที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลได้แม่นยำถึง 95%

              เอกสารการวิจัยได้สรุปว่าโมเดลการใช้ AI ของ Google สามารถทำนายวันเสียชีวิตของคนไข้ในโรงพยาบาลได้แม่นยำกว่าการวัดผลด้วยวิธีอื่น ๆ ในอดีต โดยมีก
รยกตัวอย่างเคสของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายหนึ่ง ที่มีการนำ AI มาใช้วินิจฉัยการรักษา ซึ่ง AI ได้ทำการวิเคราะห์จากฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 175,639 ข้อมูล ก่อนจะประมวลผลว่าผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิต 19.9% โดยพบว่าสองสัปดาห์ก่อนหน้านั้นผู้ป่วยถูกประมวลผลว่ามีโอกาสเสียชีวิต 9.3% นั่นหมายความว่า AI วินิจฉัยโอกาสเสียชีวิตของผู้ป่วยดังกล่าวสูงขึ้น และที่น่าสนใจก็คือในสองสัปดาห์หลังจากนั้น ผู้ป่วยก็เสียชีวิต
                                 ความคิดเห็นของฉัน : ข้อดีคือ เราจะสามารถวางแผนวางจะทำอะไรก่อนเสียชีวิต แต่ข้อเสียคือ ทำให้ผู้ที่ป่วยรู้สึกไม่สบายใจอาจทำให้อาการทรุด

                           

                                                           ทีี่มา : Beartai